วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ภูมิที่อยู่ใกล้กับโลกมนุษย์

ภูมิที่อยู่ใกล้กับโลกมนุษย์..แต่เปรี่ยมด้วยทุกขเวทนายิ่ง


มีอยู่ภูมิหนึ่งที่อาศัยอยู่ร่วมกับโลกมนุษย์เรานี่แหละ เรามองไม่เห็นเค้า แต่เค้ามองเห็นเรา ภูมิของเขาจะซ้อนอยู่ในโลกของเรา เป็นภูมิแห่งการเสวยทุกข์โดยแท้ หาสุขมิได้เลย จมอยู่กับความทุกข์อยู่ทุกเมื่อ...

เปรตมักจะมาอยู่ใกล้ๆ ลูกหลานเชื้อสายเผ่าพงษ์ นั้นเป็นเพราะว่า มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์เดียวกัน "กรรมะพันธุ" สืบต่อสายใยแห่งกรรม ฃเป็นเชื้อสายโดยตรง เมื่อทำบุญถึงเหล่าพงศาบรรดาเปรตบรรพบุรุษทั้งหลาย บุญจะถึงพร้อมแก่เปรตเหล่านั้นทุกประการ แต่หาได้น้อยนัก คนที่จะทำบุญให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว นั้นเป็นเพราะเขาไม่สามารถที่จะมองเห็นบรรพบุรุษที่ตกทุกข์ได้ยากของเขาได้ และอีกประการคนในสมัยนี้หลงลืมบรรพบุรุษแล้ว ลองให้ย้อนคิดถึงบรรพบุรุษกันเล่นๆ ก็คิดออกได้ไม่เกินสามรุ่น ผู้ที่เสวยกรรมเป็นเปรตในยุคนี้จึงลำบากมาก

การเกิดของสัตว์ภูมินี้ มาจากการสร้างกรรมไม่ดีกระทำสิ่งชั่วช้าลามกในสมัยที่เป็นมนุษย์ เมื่อตายจากการเป็นมนุษย์ด้วยบุพกรรมดลให้ไปเกิดเป็นเปรต
ปรุงแต่งนาม(เป็นนามธาตุ ไม่มีรูป) ไปตามรายละเอียดปลีกย่อยของบุพกรรมที่ได้กระทำ ทุกข์ก็เสวยไม่เหมือนกัันนะ รายละเอียดเยอะ ตกอยู่ในสภาวะเฉพาะตน..ฯ

ในพระไตรปิฎกได้กล่าวถึงเปรตไว้หลายประเภท เช่น

แบ่งตาม เปตวัตถุอรรถกถา (แบ่งได้ 4 ประเภท)
1. ปรทัตตุปชีวิกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ จากอาหารที่มีมนุษย์ให้ เช่น การเซ่นไหว้ เป็นต้น
2. ขุปปีปาสิกเปรต คือ เปรตที่อดอยาก ทุกข์จากความหิวโหยอยู่เป็นนิจ
3. นิชฌามตัณหิกเปรต คือ เปรตที่ถูกไฟเผาให้เร่าร้อนอยู่เสมอ
4. กาลกัญจิกเปรต คือ เปรตในจำพวกอสุรกาย

แบ่งตาม คัมภีร์โลกบัญญัตติปกรณ์ และ ฉคติทีปนีปกรณ์ (แบ่งได้ 12 ประเภท)


1. วันตาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินน้ำลาย เสมหะ อาเจียน เป็นอาหาร
2. กุณปาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินซากศพคนหรือสัตว์ เป็นอาหาร
3. คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระต่าง ๆ เป็นอาหาร
4. อัคคิชาลมุขเปรต คือ เปรตที่มีเปลวไฟลุกทั่วในปากตลอดเวลา
5. สุจิมุขเปรต คือ เปรตที่มีปากเท่าเล็กขนาดเท่ารูเข็ม
6. ตัณหัฏฏิตเปรต คือ เปรตที่ถูกตัณหาเบียดเบียนจนเกิดทุกข์จากความหิวข้าวหิวน้ำอยู่เสมอ
7. สุนิชฌามกเปรต คือ เปรตที่มีตัวดำเหมือนตอไม้ที่ถูกเผา
8. สุตตังคเปรต คือ เปรตที่มีเล็บมือเล็บเท้ายาวและคมราวกับมีด
9. ปัพพตังคเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายสูงใหญ่เท่าขนาดของภูเขา
10. อชครังคเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายราวกับงูเหลือม
11. เวมานิกเปรต คือ เปรตที่ต้องเสวยสุขเป็นเทวดาเฉพาะในเวลากลางวัน แต่ในเวลากลางคืนได้ไปเสวยทุกข์เป็นเปรตกินเนื้อตัวเอง
12. มหิทธิกเปรต คือ เปรตที่ถวายสิ่งของให้แก่พระสงฆ์ไม่ว่าจะเป็น ช้าง ม้า หรือเกวียน ซึ่งเป็นการถวายเพื่อเอาหน้าแต่ลับหลังขอคืน เมื่อตายไปเป็นเปตรที่ขี่ช้าง ม้า ไม่ก็นั่งเกวียน

แบ่งตามวินัยและลักขณสังยุตตพระบาลี (แบ่งได้ 21 ประเภท)

1. อัฏฐีสังขสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่กระดูกติดกันเป็นท่อน ๆ
2. มังสเปสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่เนื้อเป็นชิ้นๆ
3. มังสปิณฑเปรต คือ เปรตที่มีเนื้อเป็นก้อน
4. นิจฉวิปริสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม
5. อสิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นพระขรรค์
6. สัตติโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นหอก
7. อุสุโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นลูกธนู
8. สูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็ม
9. ทุติยสูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็มชนิดที่ ๒
10. กุมภัณฑเปรต คือ เปรตที่มีอัณฑะใหญ่โตมาก
11. คูถกูปนิมุคคเปรต คือ เปรตที่จมอยู่ในอุจจาระ
12. คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระ
13. นิจฉวิตกิเปรต คือ เปรตหญิงที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม
14. ทุคคันธเปรต คือ เปรตที่มีกลิ่นเหม็นเน่า
15. โอคิลินีเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายเป็นถ่านไฟ
16. อลิสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีศีรษะ
17. ภิกขุเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับพระ
18. ภิกขุณีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับภิกษุณี
19. สิกขมานเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสิกขมานา
20. สามเณรเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณร
21. สามเณรีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณรี

อกุศลกรรมที่เป็นเหตุให้ไปจุติเป็นเปรต


1. ผู้มักอิจฉาริษยาผู้อื่น คิดอยากได้ทรัพย์สินของเขา ไม่ให้ทาน ตลอดจนโกงทรัพย์สินของสงฆ์มาเป็นของตน ตายไปเกิดเป็นเปรตตัวใหญ่ ปากเท่ารูเข็ม มีแต่กระดูก ตัวเหม็นสาป ผมรุ่ยร่ายลงมาคลุมปาก เสวยทุกขเวทนาทั้งกายใจ ร้องไห้คร่ำครวญนานนับพันปี

2. ผู้บวชเป็นสมณชีพราหมณ์ มักดูถูก กล่าวร้าย ติเตียนครูอาจารย์และคณะสงฆ์ ตายไปเกิดเป็นเปรตมีกายงามดังทอง มีปากเหมือนหมู ปากนั้นเหม็นหนักหนา มีหนองเต็มปาก หนอนเจาะกินปากหน้าตาและเนื้อตัวเขา

3. หมอหญิงให้ยาหญิงมีครรภ์กินเพื่อให้แท้งลูก ตายไปเกิดเป็นเปรตผู้หญิง เปลือยกาย ตัวเน่าเหม็น มีแมลงวันตอมจำนวนมาก ร่างกายมีแต่เส้นเอ็นและหนังหุ้มกระดูก กินเนื้อลูกน้อยตนตลอดเวลา

4. หญิงเห็นสามีถวายข้าว น้ำ และผ้าแก่คณะสงฆ์ กลับโกรธเคืองด่าทอสามี ตายไปเกิดเป็นเปรตผู้หญิงเปลือย อดอยาก เห็นข้าวน้ำอยู่ตรงหน้าก็จะหยิบมากิน แต่ข้าวน้ำนั้นกลายเป็นอาจม เป็นเลือด เป็นหนอง เห็นผ้าจะหยิบมานุ่งห่ม ผ้านั้นกลายเป็นแผ่นเหล็กแดงลุกไหม้ตลอดตัว

5. ผู้มักตระหนี่ไม่เคยทำบุญให้ทาน เห็นคนอื่นทำบุญให้ทานก็ห้ามปราม ตายไปเกิดเป็นเปรตร่างสูงใหญ่เท่าต้นตาล เส้นผมหยาบ ตัวเหม็นมาก อดอยากยากไร้นักหนา

6. ผู้เอาข้าวลีบปนข้าวดีแล้วไปหลอกขาย ตายไปเกิดเป็นเปรตเอามือกอบข้าวลีบลุกเป็นไฟใส่ศรีษะของตนตลอดเวลา ต้องทุกข์ทรมานมากมายหลายพันปีในนรก

7. ผู้ที่ตีศรีษะมารดาบิดาด้วยมือ ไม้ และเชือก ตายไปเกิดเป็นเปรตเอาฆ้อนเหล็กแดงตีศรีษะตนเอง

8. ผู้ที่มีคนมาขอข้าว ข้าวมีแต่หลอกว่าไม่มี ตายไปเกิดเป็นเปรต กินแต่ลามกอาจมปนหนองเน่าเหม็นนักหนา

9. ผู้เป็นข้าราชการ รับสินบนผู้ผิด ตัดสินความผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด ตายไปเกิดเป็นเปรตมีวิมาน มีบริวารนางฟ้า แต่เอาเล็บมือคมดังมีดกรด ขูดเนื้อหนังตัวเองกินต่างอาหาร

10. ผู้ด่าทอ กล่าวเท็จต่อพระสงฆ์ ผู้ใหญ่ผู้มีศีล ตายไปเกิดเป็นเปรตมีเปลวไฟพุ่งออกจากปาก อกและลิ้นแล้วลามไหม้ทั่วตัวเขา

11. ผู้มักข่มเหงรังแกคนยากไร้เข็ญใจอย่างไร้กรุณาปราณี เอาทรัพย์ของคนอื่นมาเป็นของตน และใส่ความผู้ไม่มีความผิด ตายไปเกิดเป็นเปรตผอม อดอยากมาก เห็นน้ำใสเอามือกอบจะกิน น้ำนั้นกลายเป็นไฟไหม้เขาทั้งตัว เขากลิ้งเกลือกตายในไฟนั้น

12. ผู้เผาป่า สรรพสัตว์หนีไม่ทันถูกไฟป่าคลอกตาย ตายไปเกิดเป็นเปรตผอม ตัวเปื่อยเน่ามือเน่า ตีนเปื่อยหลังโก่ง เขาเอาไฟคลอกตัวเองตลอดเวลา

13. ข้าราชการตัดสินความโดยไม่ชอบธรรม ไม่วางตัวเป็นกลาง ฉ้อราษฎร์บังหลวง ขูดรีดชาวบ้าน ตายไปเกิดเป็นเปรต ตัวใหญ่เท่าภูเขา มีขน เล็บตีนเล็บมือใหญ่ยาว คมดังมีดกรดและหอกดาบ ลุกเป็นเปลวไฟแทงตัวเขาตลอดเวลา


ผู้ที่ "สวดมนต์ ภาวนา สัพเพฯ แผ่บุญ" อยู่เป็นประจำ นับเป็นผู้มีประโยชน์ต่อทุกรูปนาม สามารถช่วยแผ่บุญให้สัตว์ในภูมิเปรตได้ฯ

"ใครจะใหญ่เกินกรรม"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิจิตร

ด้านหน้า ด้านหลัง พระผงรูปเหมือนข้างพัดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร เนื้อเก่ายุคต้นๆ ราคาเบาๆ ครับ  ๙๙๙.๙๙๙ บาท โทร 08722...