วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พุทธศาสนาสุภาษิต

พุทธศาสนาสุภาษิต


ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส นิจฺจํ อุชฺฌานสญฺญิโน
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ อารา โส อาสวกฺขยา.

คนที่เห็นแต่โทษผู้อื่น คอยแต่เพ่งโทษนั้น
อาสวะก็เพิ่มพูน เขายังไกลจากความสิ้นอาสวะ.

อธิบาย คนที่เห็นแต่โทษของคนอื่น และคอยแต่เพ่งโทษคนอื่นนั้น ก็เพราะจิตมีแต่ความเป็นอกุศลจิต ที่เกิดจากอารมณ์หรือความรู้สึกยินดียินร้ายเป็นเหตุ ความรู้สึกยินดียินร้ายก็คือกิเลสกามหรืออาสวะกิเลส เป็นเหตุให้เกิดอัตตาอคติมี โลภะ โทสะ โมหะ เป็นเจ้าเรือน จึงทำให้เกิดอาสวะเพิ่มพูนมากขึ้น และเป็นเหตุให้ห่างไกลจากความสิ้นอาสวะ หมายถึงความหลุดพ้นจากกองทุกข์ หรือวัฏฏะสงสาร

โลกของสื่อรับรู้ในปัจจุบัน ที่มีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย ที่เรียกว่าวัตถุแห่งกาม เป็นเครื่องกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ หรือความรู้สึกยินดียินร้ายที่เป็นเหตุให้เกิดกิเลสกาม ได้ตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ลืมตาตื่นมาจนกระทั้งนอนหลับไป ไม่มีทางหนีสิ่งเหล่านี้ไปได้เลย เพราะเราต้องอยู่กับการเสพคุ้นกับมันอยู่ตลอดเวลาในชีวิตนี้

เว้นไว้แต่การเป็นผู้ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อให้เกิดสติ รู้ปล่อยวางในอารมณ์หรือความรู้สึกยินดียินร้ายที่เป็นกิเลสกามหรืออกุศลจิตได้แล้ว เราจึงจะไม่หลงไปกับอาสวะกิเลส และเราจะไม่เกิดการเพ่งโทษผู้อื่นด้วยอัตตาอคติจิต และไม่สะสมอาสวะกิเลสเป็น อโลภะ อโทสะ อโมหะ ใจของเราก็จะเบาบางจาก โลภะ โทสะ โมหะ เราจึงสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์ได้โดยสิ้นเชิง
คนเราจึงควรมีการประพฤติปฏิบัติธรรมไว้บ้าง ในชีวิตประจำวันตลอดเวลา ด้วยการหมั่นท่องธัมมะภาวนาไว้ว่า “อย่ายินดียินร้าย...อย่าว่าร้ายใคร...อย่าคิดร้ายใคร...” อยู่เสมอๆในใจตลอดเวลาเพื่อสะสมความรู้ตัวให้กับใจของเรา ใจของเราก็จะเกิดความรู้ตัวหรือตัวรู้ อันเป็นเหตุให้ใจของเราเกิดสติ รู้ปล่อยวางในอารมณ์ความรู้สึกยินดียินร้ายได้เองโดยอัตโนมัติ ใจของเราก็จะเป็นกุศลธรรมเป็นบุญ คือความสบายใจ ใจของเราก็จะพบกับสันติสุขมีความสงบนิ่งเป็นจิตว่าง ก็จะเป็นเหตุให้ใจของเราสิ้นอาสวะได้ ดังนี้.

โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิจิตร

ด้านหน้า ด้านหลัง พระผงรูปเหมือนข้างพัดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร เนื้อเก่ายุคต้นๆ ราคาเบาๆ ครับ  ๙๙๙.๙๙๙ บาท โทร 08722...