วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทุกข์เกิดมาจากไหน

ทุกข์เกิดมาจากไหน - ปฏิจจสมุปบาท


"อวิชชา" สภาพที่ปราศจากความรู้ ทำให้เกิด...

"สังขาร" คือ อำนาจปรุงแต่ง ให้สิ่งนั้นหยุดอยู่ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงไป สังขารเป็นเหตุให้เกิด...

"วิญญาณ" คือ จิตชนิดที่จะทำหน้าที่ของจิต จิตที่อยู่เฉย ๆ เป็นภวังคจิต มันไม่ทำหน้าที่อะไรได้ มันถูกสังขารปรุงให้เป็นวิญญาณ ซึ่งคือจิตชนิดหนึ่งที่จะทำหน้าที่รับอารมณ์ได้ เฉพาะเรื่อง เฉพาะขณะหนึ่งเท่านั้น วิญญาณนี้ก็ทำให้เกิด

"นามรูป" - คือ กายกับใจ ที่มันยังไม่เป็นอะไร ยังไม่ทำหน้าที่อะไร เหมือนกับตายด้านอยู่ ให้ลุกขึ้นมาเป็นกายกับใจที่ทำหน้าที่ได้ชั่วขณะ ชั่วเรื่อง ชั่วตาเห็นรูป ชั่วหูฟังเสียง ฯลฯ ชั่วขณะอย่างนั้นเท่านั้น...

นามรูปที่เป็น active นั้น มันเกิดขึ้น (ส่วน)นอกจากนั้นมันเป็น dormant ที่หลับอยู่ เป็นกายกับใจที่ไม่ทำหน้าที่ วิญญาณนี้มันทำให้กายกับใจที่หลับอยู่เกิดเป็น active ขึ้นมา คือ ทำหน้าที่

กายกับใจหรือนามรูปอันนี้ มันก็ทำให้ "อวัยวะ 6" คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่หลับอยู่นี่ ลุกขึ้นมาทำหน้าที่รับอารมณ์ รับอะไรทางตา ทางหู ทางจมูก ฯลฯ

ทีนี้การที่ว่าอวัยวะข้างในนี้ มันพบกันเข้ากับสิ่งข้างนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส ฯลฯ เขาเรียกว่าการกระทบ หรือว่า "ผัสสะ" มันเกิดขึ้น กระทบผัสสะอย่างนี้แล้ว ก็มี "เวทนา" เกิดขึ้น ถูกใจหรือไม่ถูกใจ

เวทนาเกิดขึ้นแล้ว มันก็ทำให้เกิด "ตัณหา" คือ ความต้องการด้วยความโง่...ถูกใจก็อยากยึดครอง ไม่ถูกใจก็อยากจะทำลาย...

เมื่อตัณหาเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่ต้องสงสัย ทีนี้ก็ยึดมั่น ในสิ่งที่มันอยาก มันต้องการ นี้เรียกว่า "อุปาทาน"

พฤติของจิตมี concept มาถึงอุปาทานอย่างนี้แล้ว ก็เรียกว่าพร้อม มีความพร้อมที่จะ "เป็นอยู่" หรือเป็นชีวิตอันหนึ่งในขณะนั้น เขาเรียกว่า "ภพ"....ภพนี้เรียกเป็นภาษาที่จะเขาใจสำหรับพวกคุณ คือคำว่า existance คือ ความมีอยู่ เป็นอยู่...

หลังจากภพก็มี "ชาติ" คือ ความเกิด นี่เป็นความรู้สึกที่เป็นตัวฉัน หรือตัวเรา ตัวอะไรเต็มที่....นี่คือชาติที่คน(ส่วนมาก)ยังไม่รู้จัก ก็คือ ชาติตอนนี้ ไม่ใช่ชาติที่เกิดจากท้องแม่ เป็นชาติที่เกิดจากอวิชชาประจำวัน

พอมีชาติอย่างนี้แล้ว ก็มีชรา มรณะ โสะ ปริเทวะ หรือว่าความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ที่นอนหลับอยู่เฉย ๆ ไม่รู้อยู่ที่ไหน จะมาเป็นปัญหาขึ้นในใจทันที เป็นความทุกข์ เป็นความกลัว ....

นี่เรียกว่า ความทุกข์มาจากตัณหา อุปาทาน ภพ และชาติ อย่างนี้ พอถึงความทุกข์ ก็เรียกว่ารอบหนึ่งแล้ว

ทีนี้ความทุกข์เกิดแล้ว ไม่ใช่อวิชชามันหมด อวิชชามันยังอยู่ คือ มันยังมีความเคยชินที่จะเกิดอยู่นั่นแหละ เดี๋ยว ทีนี้มันไปกระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางไหนเข้าอีก มันก็ทำงานอย่างนี้อีก เป็นวง ๆ ไปอย่างนี้ นี่คือ ปฏิจจสมุปบาท ที่เรียกแล้วฟังยาก แล้วไม่มีใครสนใจ ที่แท้ก็คือ motion อาการของสิ่งประหลาดลึกลับอันหนึ่ง ที่หมุนอยู่ในตัวคนนี้ แล้วทำให้เกิดความรู้สึกที่เป็นทุกข์

พุทธทาสภิกขุ

ย่อจากธรรมเทศนา เรื่อง วงล้อของชีวิตในชีวิตประจำวัน
9 เมษายน 2514
บรรยายอบรมภิกษุนิสิตมหาวิทยาลัยมหิดล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิจิตร

ด้านหน้า ด้านหลัง พระผงรูปเหมือนข้างพัดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร เนื้อเก่ายุคต้นๆ ราคาเบาๆ ครับ  ๙๙๙.๙๙๙ บาท โทร 08722...