ลักษณะของสติ คือ ระลึก เตือน ยกขึ้น
... เปรียบเหมือนกับว่าเรากำลังเจริญสมาธิอยู่ ก็ให้ตั้งใจเจริญสมาธิเป็นตัวสติที่มั่นคงขึ้น เราจะยกพุทโธขึ้น หรือดูลมอย่างเดียว หรือจะกำหนดกระโหลกศรีษะของเรา หรือผมบนศรีษะของเราก็ตาม ก็ขอให้นึกว่าสิ่งนั้นเป็นภาชนะ เป็นวัตถุอันหนึ่ง หรือเหมือนแก้วใบหนึ่ง ที่เราต้องการจะนำไปดังใจหมาย คือยกไป เคลื่อนไป ไม่ให้ตกหล่นเสียกลางทาง ก็ประคองรู้ไป อย่างเช่นว่า พุทโธ พุทโธ พุทโธ อย่างนี้ เราก็พุทโธๆๆ ในใจไป จะเดินไปไหน ทำงานอะไร อยู่ ณ สถานที่ใด อิริยาบถใดก็ยกถือไปด้วย เมื่อถึงเวลาว่าต้องการพูด ต้องการสนทนา หรือต้องการใช้ความคิด ก็เอาแก้วใบนั้น ถือวัตถุสิ่งนั้นที่เปรียบให้ฟังนั้น มาเปรียบเป็น พุทโธๆๆ นี้ที่ยกไป เอาวางไว้ก่อน เหมือนกับว่ามันหนักมันเหนื่อย ต้องหยุดเสียก่อนพักนึง แล้วก็คุยสนทนาไป หรือใช้สมองคิดเรื่องนั้นไป เมื่อคิดเสร็จแล้ว หรือพูดสนทนาเสร็จแล้ว ก็รีบยกแก้วยกภาชนะนั้นเดินต่อ เหมือนกับว่าระลึกเอาพุทโธนั้นขึ้นมากำหนดต่ออีก แม้เป็นพียงเวลาอันสั้นก็ตาม หนึ่งวิสองวินาทีก็ตาม ก็ต้องยก เพราะว่าทำให้เราถึงจุดหมายปลายทางได้เร็ว ถ้าเราระลึกช้ามันก็ไปได้ช้า ถ้าเราระลึกได้เร็วมันก็ไปได้เร็ว เหมือนกับว่าคนถือภาชนะไป เมื่อเหน็ดเหนื่อยหรือจะสนทนาพาทีกับใคร ก็วางของเสียก่อน พูดคุยเสร็จแล้วเห็นว่าไม่เเป็นธุระแล้วก็ลาจากสถานที่นั้น รีบยกภาชนะหรือแก้วนั้นไปดั่งใจหมาย ณ ที่จุดหมายที่ต้องการ อย่างนี้ เรามีการฝึกสติอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ในอิริยาบถปกติธรรมดาของเรานี่แหละ... ยกพุทโธๆๆ ขึ้นมาแล้ว กำหนดดูพยายามประคับประคองไม่ให้พุทโธหาย เหมือนกับบุคคลที่ประคองแก้วน้ำไม่ให้ตกแตกนั่นเอง... "
ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา โดย พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
ภาพ: หลวงพ่อนำศิษย์ออกธุดงค์ตามป่าเขา ตามถ้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น