วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เราควรรู้จักการชำระจิตของตน

เราควรรู้จักการชำระจิตของตน ให้สะอาดไว้เสมอๆเพื่อความสงบสุข


ธรรมชาติของจิต ชอบจดจำสิ่งต่างๆที่เราได้เห็น เราได้ยิน เราได้กลิ่น เราได้รับรส เราได้สัมผัสทางกาย และใจที่นึกคิดเรื่องราวต่างๆ พร้อมด้วยอารมณ์ คือความรู้สึกยินดียินร้ายบ้าง,ความรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจบ้าง,ที่เป็นบาปอกุศลจิต เป็นกิเลสกาม เกิดอัตตาอคติและตัณหา ของแต่ละวันที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ถูกเก็บเอาไว้ในใจ หรือในจิตใต้สำนึก(คือสัญญาขันธ์ แปลว่าความจำได้หมายรู้)ที่เรียกว่าอนุสัยกิเลส จึงเป็นเหตุให้จิตใจของเรามีแต่ความฟุ้งซ่านเศร้าหมอง มีความสงสัย ความหวาดกลัว ความโกรธเกลียด ความโลภหลง ความระแวงภัย และเป็นทุกข์ใจ จะละสาเหตุเหล่านี้ได้ก็ต้องอาศัยการท่องธัมมะภาวนาไว้ เพื่อชำระจิตใจให้สะอาดหมดจดจากเครื่องเศร้าหมองคือกิเลสกามตัณหา ไม่ให้จิตจดจำเก็บเอาไว้ในใจเป็นอนุสัยกิเลสหรือในจิตใต้สำนึก.

ดังโอวาทปาติโมกข์ได้กล่าวไว้ การไม่ทำบาปทั้งปวง,การทำกุศลให้ถึงพร้อม,การชำระจิตของตนให้ขาวรอบหมดจดจากเครื่องเศร้าหมอง,

คำท่องธัมมะภาวนามีอยู่ว่า “อย่ายินดียินร้าย...อย่าว่าร้ายใคร...อย่าคิดร้ายใคร...” ควรท่องธัมมะภาวนาบทนี้ไว้ในใจอยู่เสมอๆ ในชีวิตประจำวันของเรา เพราะเป็นหลักแห่งการชำระจิตนี้ให้สะอาดหมดจดจากเครื่องเศร้าหมองคือบาปอกุศลจิต และกิเลสกามตัณหา การท่องภาวนาไว้ตลอดเวลาจัดเป็นมรรคคือการดำริชอบ เมื่อสติเกิดรู้ละความรู้สึกยินดียินร้ายได้เป็นผล ก็คือการรู้ละบาปอกุศล ละกิเลสกามตัณหา และอัตตาอคติไปด้วยกัน จิตนี้ก็จะสะอาดหมดจดเป็นกุศลจิตกุศลธรรม และหมั่นสังเกตจิตตัวเองไว้ด้วยเวลาจะพูดอะไร จะทำอะไร จะคิดอะไร อย่าทำ พูด คิด ด้วยอารมณ์คือความรู้สึกยินดียินร้าย ถ้าทำได้อย่างนี้ในไม่ช้าท่านก็จะพบแต่ความสงบสุขมีจิตที่นิ่งเป็นกรรมฐาน เพราะจิตสะอาดหมดจดจากเครื่องเศร้าหมอง คือกิเลสกามตัณหา จากบาปอกุศลจิต เป็นจิตธรรมเป็นกุศลจิต สันติสุขในใจก็เกิดขึ้น และทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งในสภาวธรรมต่างๆ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ด้วยเป็นวิปัสสนา เพราะมีอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา ดังนี้.

โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิจิตร

ด้านหน้า ด้านหลัง พระผงรูปเหมือนข้างพัดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร เนื้อเก่ายุคต้นๆ ราคาเบาๆ ครับ  ๙๙๙.๙๙๙ บาท โทร 08722...